top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนกันดั้ม วิง

เพื่อนร่วมรุ่น......“บีจีพียู” แชมป์ – “ระยอง” ตกชั้น

ฟุตบอล “ไทยลีก” ที่แม้จะเตะกันยาวนานข้ามปีจาก “2020” กลายเป็น “2020/2021”

แต่กลับได้ทีมแชมป์แบบเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่จบนัดที่ 24 ของฤดูกาล “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ก้าวสู่ตำแหน่ง “แชมเปียนส์” ได้สมราคาที่ฟอร์มแกร่งมาตลอดทุกนัด นับจนถึงเกมล่าสุดแมตช์เดย์ที่ 25 “บีจีพียู” ยังสะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็น จากนี้ไปพลพรรค “เดอะแรบบิต” เหลือลุ้นแค่ว่าจะเป็น “แชมป์ไร้พ่าย”


ทีมที่ 3 ต่อจากที่ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” และ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” เคยทำได้หรือเปล่าเท่านั้น หากย้อนไปก่อนเปิดฤดูกาลเชื่อว่า “บีจีพียู” ไม่น่าจะอยู่ในทำเนียบ “ทีมเต็ง” เพราะเพิ่งเลื่อนชั้นกลับจาก “ไทยลีก 2” มาสู่ลีกสูงสุด แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ไม่ใช่ ดูบอลฟรี “มือใหม่” แต่เป็นระดับ “มืออาชีพ” พร้อมกับเงินทำทีมที่ไม่ได้เป็นสองรองใครในที่สุด “บีจีพียู” จึงจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ การตกชั้นไป “ไทยลีก 2” เมื่อ 2 ปีก่อนอาจเจ็บปวด แต่นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ “บีจีพียู” เปลี่ยนแปลงนโยบายการทำทีมแบบพลิกฝ่ามือหลังได้ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน มาร่วมงาน ก่อนหน้านั้น “บีจีพียู” ของประธานสโมสรฯ “ปวีณ ภิรมย์ภักดี” ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงโค้ชมากที่สุดทีมหนึ่งในวงการฟุตบอลไทย บางปีเปลี่ยนจนแฟนบอลงง แต่ “โค้ชโอ่ง” กลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ทำทีมจนจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ “ไทยลีก 2” ตีตั๋วกลับสู่ “ไทยลีก” ได้สำเร็จ ประเด็นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน “โค้ชโอ่ง” ได้รับแรงสนับสนุนจากประธานสโมสรฯเป็นอย่างดี


ดูบอลฟรี

ข่าวในทำนองแทรกแซงการทำงานแทบไม่ปรากฏให้เห็น ส่วน “โค้ชโอ่ง” ถือเป็นกุนซือที่มีฝีมืออยู่แล้ว

จุดเด่นสำคัญคือการสื่อสารกับนักเตะที่เรียกได้ว่า “รุ่นน้อง” อย่างใกล้ชิดแบบคุยกันรู้เรื่องชนิดที่ว่า “ได้ใจกัน” นักเตะหลายคนงัดฟอร์มการเล่นของตัวเองออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนผลงานในสนามสวยหรูมาตลอด จนถึงจุดสำคัญที่มีจังหวะให้เสริมทัพใหม่ ทีมก็ไม่พลาดที่จะ “จัดหนัก” สโมสรคว้าผู้เล่นระดับ “ตัวท็อป”


อย่าง “อันเดรส ตูเญซ” “สารัช อยู่เย็น” “ดิโอโก หลุยส์ ซานโต” “ธีรศิลป์ แดงดา” เข้ามาเติมเต็มจนหาจุดอ่อนไม่เจอ องค์ประกอบหลายเหตุผลปัจจัยเหล่านี้ บอลถ่ายทอดสด เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ “บีจีพียู” ยึดตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้สำเร็จแม้จะเพิ่งเลื่อนชั้นกลับมา แต่เพื่อนร่วมรุ่นที่ขึ้นชั้นมาด้วยกันอีก 2 ทีมต้องถือว่าผลงานคนละเรื่อง เพราะปัจจัยและองค์ประกอบแตกต่างกันมาก “โปลิศ เทโร” ทีมรองแชมป์ “ไทยลีก 2” ฤดูกาลที่แล้วมีผลงานเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ในการคัมแบ็ก “ไทยลีก” ถึงขั้นอยู่ในกลุ่มลุ้นหนีตกชั้นด้วย ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อยแต่ยังไม่ปลอดภัยเสียทีเดียว แต่ที่สู้ไม่ไหวแล้วคือ “ระยอง” ที่สร้างประวัติศาสตร์เลื่อนชั้นมาด้วยการเป็นอันดับ 3 ของ “ไทยลีก 2” ต้องกลายเป็นทีมแรกที่ต้องตกชั้นอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว “ม้านิลมังกร” ตกชั้นตั้งแต่จบนัดที่ 26 เพราะแต้มห่างจากโซนปลอดภัย 13 คะแนน แม้ชนะใน 4 เกมสุดท้ายก็ไล่ไม่ทันอยู่ดี การตกชั้นของ “ระยอง” ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะเป็น “เต็ง” มาแต่แรกอยู่แล้ว ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง โดยเฉพาะ “เงินทำทีม” ตอนที่เลื่อนชั้น “ระยอง” ได้รับการชื่นชมมากมายว่าใช้เงินไม่เยอะแต่ได้ขึ้นชั้น แต่พอมาอยู่ในลีกสูงสุดผลงานที่ออกมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันคนละเรื่องกันเลย เทียบกันไม่ได้ ยิ่งมาเจอฤดูกาลหฤโหดที่ต้องเตะยาวนานข้ามปีแบบนี้


“สภาพคล่อง” ยิ่งโคม่า ถึงขั้นมีข่าวนักเตะไม่ได้เงินเดือนจนโค้ชของดซ้อมมาแล้ว แต่ยังต้องชื่นชมที่ “ระยอง” กัดฟันสู้ต่อ ไม่ยุบสโมสรหรือขอเลิกแข่งขันไปดื้อๆ ไม่งั้น “ไทยลีก” คงเสียหายยับเยินทั้งมาตรฐานและภาพลักษณ์ของการแข่งขัน​

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page