ตลาดนักเตะเดือนมกราคมปีนี้ หงิกหงอยเหมือนฝอยขัดหม้อ
เพราะแต่ละสโมสรล้วนอยู่ในสภาพหมดตูด ต้องประคองตัวเองให้รอดในสถานการณ์โควิดไปก่อน เรื่องที่จะไปทุ่มเงินซื้อนักเตะแพงติดเพดานเหมือนที่ผ่านๆ มานี่ลืมไปได้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนในช่วงเวลาแบบนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะทุ่มซื้อหลังแน่นๆ อีกซักคนสองคนเพื่อการทิ้งให้ห่างจาก ลิเวอร์พูล ยิ่งขึ้น เพื่อการได้แชมป์ครั้งแรก
นับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไป หงส์แดงเขาวางแผนระยะยาวว่าต้องมีหลักในแดนหลัง พอ เจอร์เก้น คล็อปป์ มองเห็นว่า เวอร์จิล ฟาน ไดค์ คือคนที่ต้องการจึงยอมทุ่มซื้อด้วยราคาถึง 75 ล้านปอนด์ ทั้งที่ เซาแฮมป์ตัน เพิ่งจะซื้อมาจาก เซลติก ในราคาแค่ 13 ล้านปอนด์เท่านั้น ทีมนักบุญก็เลยฟันกำไรจากการขายครั้งนี้ถึง 62 ล้านปอนด์ ภายในระยะเวลาแค่ 3 ปีเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าจะซื้อมาด้วยราคาแสนแพง คล็อปป์ ก็ยังบอกว่าคุ้มทุกเพนนี เพราะ ดูบอลออนไลน์ ฟาน ไดค์ พาทีมหงส์แดงผงาดคว้า 4 แชมป์ในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่ซื้อเขามา แต่ทีมนักบุญอาจทำบุญมาน้อยกว่า ลีลล์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และทำกำไรจากการขาย นิโกล่าส์ เปเป้ ให้กับ อาร์เซน่อล เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ เปเป้ ถูก ลีลล์ คว้าตัวมาจาก อองเช่ร์ ในราคาเพียง 9 ล้านปอนด์ แค่ 2 ปีในการเล่นกับลีลล์ ฟอร์มของ เปเป้ พุ่งขึ้นถึงขีดสุด กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของลีกเอิงไปในทันที จน อาร์เซน่อล ต้องควักเงิน 72 ล้านปอนด์ เพื่อเอามาร่วมทีมในปี 2019 กำไรที่ ลีลล์ ได้จากการค้ามนุษย์ครั้งนี้คือ 63 ล้านปอนด์ใน 2 ปี ขณะที่ทีมปืนใหญ่กลับพ่ายยับเยิน เพราะ เปเป้ เล่นเหมือนคนขาเป๋ ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับทีมเลย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงทุนคว้าเด็กน้อยวัยเพียง 17 ปีที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้าสู่ โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ด้วยราคา 12.24 ล้านปอนด์ โดยคาดหวังที่จะมาแทน เดวิด เบ็คแฮม แต่กลายเป็นว่า โรนัลโด้ เติบโตได้ยิ่งใหญ่กว่าคนที่เขาไปแทนที่ จากนั้น เรอัล มาดริด ก็ขอซื้อปีกที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ไม่ต้องปั้นให้เสียเวลาในราคา 80 ล้านปอนด์ กำไรครั้งนี้ร่วม 68 ล้านปอนด์ แต่ปีศาจแดงกลับเอาไปลงทุนกับนักเตะอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แกเบรียล โอแบร์กตอง และ มาเม่ บิรัม ดิยุฟ เข้ามา ซึ่งแทบจะเสียเปล่าเลย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นักเตะที่ เลสเตอร์ ทำกำไรได้มหาศาลที่ 68 ล้านปอนด์เช่นกัน หลังจากที่ซื้อจาก ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์ ในปี 2017 ก่อนที่ แม็กไกวร์ จะกลายเป็นทุกอย่างของทีมสุนัขจิ้งจอกในตำแหน่งแนวรับได้สำเร็จ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมจ่าย 80 ล้านปอนด์ เพื่อเอา แม็กไกวร์ มายืนบัญชาการเกมรับ แล้วตอนนี้เขาก็ช่วยให้ปีศาจแดงมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเหนือความคาดหมาย เกเร็ธ เบล อดีตขุนพล เซาแธมป์ตัน
ย้ายเข้าร่วมรังไก่เดือยทอง ด้วยราคา 10 ล้านปอนด์ ก่อนจะค่อยๆ
พัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นมาจากแบ๊กซ้ายกลายเป็นปีกระดับแนวหน้า เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังรุกอันน่ากลัว ความเร็วจัดจ้าน การกระชากบอลหนีคู่แข่ง รวมถึงพลังยิงประตูที่หนักหน่วง ในปี 2013 เรอัล มาดริด ยอมจ่ายค่าตัว 85 ล้านปอนด์ ทำให้ทีมตราไก่กำไรเต็มๆ ถึง 75 ล้านปอนด์ แถมตอนนี้ยังได้กลับมาใช้งานแบบฟรีๆ
หนักหน่อยก็แค่เรื่องค่าเหนื่อยเท่านั้น อองตวน กรีซมันน์ ที่เล่นอยู่กับ แอตเตลิโก มาดริด มานานจนเข้านอกออกใน ลาลีก้า อย่างทะลุปรุโปร่ง จนทำให้ บาร์เซโลน่า ยอมจ่ายถึง 107 ล้านปอนด์ตามค่าฉีกสัญญา ทำให้ทีมตราหมีได้กำไรถึง 83.6 ล้านปอนด์ แต่ดูเหมือนว่า กรีซมันน์ ที่เปลี่ยนเสื้อทีมแล้ว กลับไม่สามารถจะงัดฟอร์มเทวดาของตัวเองออกมาได้ แม้ว่าจะได้เล่นคู่กับ เว็บดูบอล ลิโอเนล เมสซี่ แล้วก็ตาม งานนี้ บาร์ซ่า เจ็บตัวหนักมาก เรอัล มาดริด ก็โดนทีเด็ดแบบเดียวกันตอนที่ซื้อ เอเด็น อาซาร์ มาร่วมทีม ทีแรก เชลซี ซื้อมิดฟิลด์เบลเยี่ยมคนนี้มาจาก ลีลล์ ในราคา 32 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ถือว่าแพงมากแล้ว ในก็คงไม่ได้คิดจะขาย แต่ในเมื่อเจ้าตัวโชว์ฟอร์มซะขนาดนั้น ต่อให้รวยขนาดไหนก็ต้องอ่อนข้อ ราชันชุดขาวเสนอค่าตัวมาให้ถึง 119 ล้านปอนด์ เป็นใครก็ขาย เพราะทำกำไรได้ถึง 87 ล้านปอนด์ เชลซีได้งบไปหาผู้เล่นใหม่เข้าทีมได้อย่างสบายๆ ขณะที่ อาซาร์ ฤดูกาลแรกในถิ่นเบร์นาเบว ถือเป็นช่วงที่ตกต่ำดำดิ่งที่สุดในชีวิตนักเตะไปซะงั้น เฟลิปเป้ คูตินโญ่ ก็ทำกำไรให้ ลิเวอร์พูล ได้ถึง 120 ล้านปอนด์ จากตอนที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ซื้อดาวรุ่งแซมบ้าจาก อินเตอร์ มิลาน สู่แอนฟิลด์ ด้วยราคา 8.5 ล้านปอนด์ในปี 2013 ก่อนที่ไอ้หนูคนนี้ จะค่อยๆ เติบใหญ่ และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้อย่างเต็มตัวหลังจากที่ ลิเวอร์พูล หมดยุคของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นต้นมา แต่เมื่อเขารู้ว่า บาร์เซโลน่า กำลังสนใจ สติสตังค์ของ คูตี้ ก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว และเมื่อพวกเขาพร้อมจ่ายถึง 142 ล้านปอนด์ เป็นใครก็ขายทั้งนั้น น่าเสียดายที่ บาร์ซ่า เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คูตี้ ตอนนี้ถ้าไม่เจ็บก็เล่นห่วย พึ่งพาอะไรไม่ได้ บาร์ซ่า ยังเป็นสโมสรที่ทำกำไรให้สโมสรอื่นอย่างต่อเนื่อง พวกเขากล้าๆ ซื้อ อุสมัน เดมเบเล่ ของ ดอร์ทมุนด์ ในราคาถึง 135 ล้านปอนด์ ทำกำไรให้ทีมเสือเหลืองถึง 123.8 ล้านปอนด์ เพราะพวกเขาซื้อกองหน้าฝรั่งเศสคนนี้มาจาก แรนส์ ด้วยค่าตัวแค่ 11.7 ล้านปอนด์ และคนที่ทำกำไรให้ต้นสังกัดมากที่สุดก็คือ เนย์มาร์ ตอนที่ บาร์เซโลน่า ขายให้ เปแอสเช ในราคาบ้าบอร่วม 180 ล้านปอนด์ เจ้าบุญทุ่มซุ่มดูฟอร์มของ เนย์มาร์ ในชุด ซานโต๊ส มานานจนมั่นใจ แล้วก็เอามาร่วมทีมในราคาถึง 48.6 ล้านปอนด์ ในฐานะผู้เล่นที่คาดหมาย ว่าจะก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเบอร์ต้นๆ ของโลก เนย์มาร์ ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ เขาเล่นร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ ได้อย่างลงตัว แต่สุดท้าย เนย์มาร์ เกิดอยากจะย้าย ซึ่ง เปแอสเช ก็กล้าจ่ายค่าฉีกสัญญา เพื่อเอาตัวไปร่วมทัพ เนย์มาร์ ทำกำไรก้อนโตให้ บาร์เซโลน่า
จนพวกเขาพอจะเอาไปหักลบกลบหนี้กับที่ขาดทุนในการซื้อนักเตะราคาแพงอีกหลายคน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นตัวเกะกะในทีมอย่างเช่น เดมเบเล่ หรือว่า คูตินโญ่ ที่ยังหาทางปล่อยออกไม่ได้เสียที มาถึงยุคนี้ที่ทุกสโมสรไม่มีรายได้ เรื่องที่จะทำลายสถิติค่าตัวก็ลืมไปได้เลย
Comments