การบุกพ่าย “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ของ “การท่าเรือ” ในนัดล่าสุดทำให้ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด”
ต้องการชัยชนะอีกแค่ 3 เกมจะการันตีแชมป์ “ไทยลีก” 2020/2021 ทันที จริงๆ แล้วไม่น่าตื่นเต้นอะไร “บีจีพียู” แรงจัดมาตลอดอยู่แล้ว เหลือรอแค่ว่าจะได้ตำแหน่ง “แชมเปียนส์” แบบเป็นทางการช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่สถานการณ์ของ “รองจ่าฝูง” ถือว่าน่าสนใจมากกว่า หลัง “สิงห์เจ้าท่า” ดันออกทะเลแบบกู่ไม่กลับ
ไม่ชนะใครมา 5 นัด จากที่ว่า 2 ตำแหน่งบนหัวตารางคะแนน ไม่ต้องมีใครไปคิดยุ่งด้วยเพราะแต้มนำห่างทีมอื่นๆเยอะมาก แต่ตอนนี้ “อันดับ 2” ชักไม่แน่เสียแล้ว เผลอๆหลังจบเกมวันพุธที่ 24 ก.พ. “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ที่เปิดบ้านรอเจอ “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” อาจแซงไปเป็น “รองจ่าฝูง” แล้วก็ได้ ถึงตรงนี้หลายจึงมีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ดูบอลฟรี “การท่าเรือ” ถ้าไล่เรียงดูตามเส้นทางที่ผ่านมาต้องบอกว่านี่คือฤดูกาลที่ “สิงห์เจ้าท่า” มีหลายเรื่องราวเหลือเกิน ทีมออกสตาร์ทด้วยดีกรี “แชมป์เอฟเอคัพ 2020” แต่เปิดไม่สวยตกรอบเพลย์ออฟ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2020” คาบ้านด้วยการแพ้ทีมจากฟิลิปปินส์ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ในฐานะกุนซือแก้ตัวได้ดีพอสมควรใน “ไทยลีก” เมื่อพาทีมชนะ 3 นัดรวดก่อนบุกเจ๊า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” จบ 4 นัดแรกมี 10 แต้ม เกาะบนหัวตารางคะแนน แต่หลังจากนั้นเกมต้องหยุดเพราะ “โควิด-19” แล้ว “โค้ชโชค” ถูกสั่งปลดออกจากตำแหน่งแบบมี “ดราม่า” ตามมาในการแยกทาง “โค้ชโชค” เอ่ยถึงการทำงานกับต้นสังกัดเก่าว่า “ถูกแทรกแซง” แต่เจ้าของทีมอย่าง “คุณแป้ง” นวลพรรณ ลำซ่ำ ประธานสโมสรฯบอกว่า “ทำงานร่วมกัน” ทีมตัดสินใจให้ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ ที่ถูกแขวนไปเป็น “ผู้อำนวยการเทคนิค” กลับมาทำหน้าที่กุนซืออีกครั้ง ถือเป็นการคัมแบ็กน่าจะรอบที่ 3 แบบเวียนไปเวียนมากับสโมสรแห่งนี้ ช่วง “เซอร์เด็จ” เข้ามามีประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง “โควตาต่างชาติ” ที่โค้ชอยากเก็บ “ดาบิด โรเชลา” เอาไว้ดูแนวรับ แต่ “คนจ่ายเงิน” อยากได้กองหน้าตัวใหม่อย่าง “เนลสัน โบนิลญา” มาแทน ที่สุดแล้ว “โรเชลา” ได้ไปเตะแค่ฟุตบอลถ้วย ส่วน “โบนิลญา”
เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ พร้อมด้วยนักเตะที่กำลังฮอตอย่าง
คู่แฝด “ทิตาธร-ทิตาวีร์ อักษรศรี” ที่ย้ายทีมมาแบบฮือฮาแต่พอ “ไทยลีก” คัมแบ็กกลับ มาจาก “โควิด-19” ผลงานของทีมกลับไม่ดี แพ้รวด 2 เกมคาบ้านทำให้ “เซอร์เด็จ” ถูกเตะตกเก้าอี้กุนซืออีกครั้ง “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ อดีตผู้ช่วยของ “โค้ชโชค” ถูกเรียกกลับมาทำทีมต่อทันทีในตำแหน่ง' “เฮดโค้ช” หลัง
จากนั้น “สิงห์เจ้าท่า” ซ่าสุดๆชนะติดต่อกันใน “ไทยลีก” ถึง 8 นัดรวด แม้จะสะดุดแพ้ “สมุทรปราการ ซิตี” ในเกมส่งท้ายปีเก่า แต่พอเข้าปีใหม่หลังกลับจากหยุด “โควิด-19” ระลองใหม่ ทีมยังทำผลงานได้ดีในเกมตกค้างที่บุกไปชนะ ZoneDooBall “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” แต่หลังจากนั้นสถานการณ์กลับพลิกตาลปัตร เริ่มจากทีมหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ “เอฟเอคัพ” หลังแพ้จุดโทษ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ตกรอบคาบ้านตัวเอง แม้นัดต่อมาในลีกจะแก้ตัวได้ด้วย การเฉือนชนะ “สุโขทัย” ในนาทีสุดท้าย แต่นั่นคือชัยชนะเกมสุดท้ายเพราะอีก 5 เกมต่อมาทีมสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็น จากที่ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย “โค้ชอู๊ด” กลายเป็นถูกตั้งคำถามว่า “หมดมุก” หรือเปล่า จริงๆแล้ว “การท่าเรือ” เป็นทีมที่อุดมไปด้วย ผู้เล่นคุณภาพเป็นตัวเลือกมากมาย หลายสโมสรยังอิจฉา แต่ทีมดันไม่ “โรเตชั่น” สักเท่าไร ผู้เล่นแทบตัวเดิมๆ หน้าเดิมๆ ทั้งที่ผลงานไม่ดี คนที่ซื้อมาอย่าง “คู่แฝดอักษรศรี” และหลายคนที่มีดีกรีดับติดธงชาติไทยไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม แต่ที่ว่ากันว่าหนักกว่าน่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวต่างชาติที่ “เลือกผิด” “ยานนิค โบลี” ที่มาใหม่เทียบไม่ได้กับ “เฮเบอร์ตี เฟอร์นัสเดส” ที่ต้องย้ายออกไป ไม่ใช่แค่เรื่องการจบสกอร์ แต่การมีส่วนร่วมในเกมถือว่าคนละเรื่อง ความอันตรายต่างกันเยอะ “โค้ชอู๊ด” ต้องปวดหัวในการจัดทีมด้วยซ้ำ บางวันเอา “โบลี” ลงคู่ “โบนิลญา” บางทีจัดกองหน้าลง 3 คนเลยด้วยการเพิ่ม “อดิศักดิ์ ไกรษร” ไปอีกคน แต่การผลิตสกอร์กลับไม่เป็นดั่งที่หวัง จากทีมที่ลงตัวเลยกลายเป็น “เสียทรง” สุดท้าย พอผลงานไม่ดีก็ไม่กล้าเปลี่ยนตัวใหม่ ลงไปให้เกิดความแตกต่างบ้าง แต้มในตารางคะแนนจึงเป็นอย่างที่เห็น ล่าสุด “โค้ชอู๊ด” ยังได้รับการสนับสนุนจาก “คุณแป้ง” ที่ยืนยันว่ายังไม่เปลี่ยนแปลง
ก็ถือว่าสมควรแล้ว เพราะ “เจ้าของทีม” พูดเองว่า “ทำงานร่วมกัน” ดังนั้นก็สมควร “รับผิดชอบร่วมกัน” แต่อนาคตหลังจากนี้ “สิงห์เจ้าท่า” จะเป็นอย่างไรต่อยังไม่มีใครตอบได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอในเกมฟุตบอล โดยเฉพาะที่ “แพท สเตเดียม” ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ...จริงๆ
Comments