ฟุตบอล “ไทยลีก” รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่เกี่ยวกับตำแหน่ง “โค้ช” อย่างต่อเนื่อง
เริ่มจาก “มาซามะ ทากิ” ประกาศแยกทางกับ “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” หน้าตาเฉย การโบกมือลาถิ่น “กว่างโซ้ง” ของกุนซือชาวญี่ปุ่นถือว่าน่าประหลาดใจ เพราะไม่มีวี่แว่วสักนิด อีกทั้งผลงานของทีมก็โอเคเกาะอยู่อันดับ 3 ของตารางคะแนน แต่เหตุผลที่ทำให้ “ทากิ” ต้องบ๊ายบายไม่มีอะไรมากไปกว่าหมดสัญญา
และไม่ได้มีการขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไปตามโปรแกรมการแข่งขัน “ไทยลีก” ที่ขยับไปเตะข้ามปี เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ไปด้วยกันต่อ “ทากิ” จึงกลายเป็นกุนซือรายที่ 7 ของ “ไทยลีก” ฤดูกาลนี้ที่อยู่ไม่ครบเทอม ที่น่าสนใจคือหลังจากนี้ “บอลเปลี่ยนโค้ช” ของ “แชมป์เก่า” จะเป็นไงต่อ เพราะทีมมีภารกิจทั้งป้องกันแชมป์ “ไทยลีก” และไปลุย ดูบอลออนไลน์ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2020” ในรอบแบ่งกลุ่มที่เหลือ รวมถึงเป้าหมายสำคัญที่เส้นชัยอยู่ไม่ไกลในการล่าตั๋วไป “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021” ที่จะตัดจบเอาทีมอันดับ 1-4 เมื่อจบ “ไทยลีก” เลกแรกไปชิงแชมป์เอเชียทันที สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เลือกเอา “อีเมอร์สัน เปไรรา” ขยับจากผู้ช่วยขึ้นมาเป็นกุนซือขัดตาทัพก่อน แถมทำผลงานดีเสียด้วยเกมรุกบุกไปชนะ “โปลิศ เทโร” คว้า 3 แต้มกลับมาได้สำเร็จ แต่ “กว่างโซ้ง” จะให้กุนซือแซมบ้าคุมไปนานแค่ไหนยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เพราะทีมดันมีข่าวไปพัวพันกับ “มาโน” ที่เพิ่งแยกทางกับ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” ซะงั้น ข่าวจะมั่วหรือไม่คงต้องตามลุ้นกันต่อไป เพราะหลายคนมองว่าสไตล์ของ “มาโน” ไม่น่าจะเข้ากับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่มี “มิตติ ติยะไพรัช” เป็นคีย์แมนสำคัญบริหาร ส่วนอีกทีมที่กลายเป็น “บอลเปลี่ยนโค้ช” คือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เพิ่งแต่งตั้ง “ธชตวัน ศรีปาน” เป็นกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว “แข้งเทพ” ให้ “ดานิอาเล อินซินซิบีเล” ขยับจากทีมชุดบีมาขัดตาทัพคุมแทน “มาโน” ที่ลาออกล แต่ผลงาน 2 เกมไม่ตอบโจทย์ด้แค่บุกเสมอ “นครราชสีมา มาสด้า” แล้วแพ้ “การท่าเรือ” คาบ้าน ทีมจึงตัดสินใจดึงเอา “โค้ชแบน” กลับมาคุมทีมระดับสโมสรอีกครั้งหลังเคยประสบความสำเร็จกับ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” คว้าทั้งแชมป์ “ไทยลีก” “ลีกคัพ” “ไทยแลนด์ แชมเปียนส์คัพ” การเข้ามาของ “โค้ชแบน” คงหนีไม่พ้นเป้าหมาย
ในการพาทีมกลับไปลุ้นแชมป์และล่าตั๋วไป “เอเอฟซี แชมเปียส์ลีก 2021” ให้ได้
สถานการณ์ตอนนี้ใช่ว่าจะไม่มีหวัง “แข้งเทพ” อยู่อันดับ 9 มี 16 คะแนนตามหลังทีมในกลุ่ม “ท็อปโฟร์” แค่ 4 แต้มเท่านั้น ในขณะที่มีอีก 4 นัดหรือ 12 แต้มให้ไล่ล่าก่อนจบเลกแรก คิวเตะ 4 นัดที่เหลือของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือว่าไม่ยากไม่ง่าย เล่นในบ้าน 2 เกมพบ “โปลิศ เทโร” และ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” เยือน 2 นัด
เจอ “ตราด” กับ “ระยอง” “บอลเปลี่ยนโค้ช” ของ “แข้งเทพ” จะกลับมาซ่าได้อีกครั้งหรือไม่ รอดูผลงานของ “โค้ชแบน” จะเป็นคำตอบทุกสิ่ง นอกเหนือจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมที่เพิ่งเป็น “บอลเปลี่ยนโค้ช” ไปก่อนหน้าอย่าง “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” กับ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ตารางบอล “ปราสาทสายฟ้า” ภายใต้การคุมทีมของ “กาม่า” ยังไม่ดีขึ้นเลย เตะ 2 นัดได้แค่เสมอ 1 แพ้ 1 อยู่ท้ายตารางอันดับ 12 ห่างทีมอันดับ 4 ถึง 9 แต้ม แต่มีเกมตกค้างในมือ 1 นัด นี่คือการเริ่มต้นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร น่าสนใจว่า “กาม่า” จะหาจุดเปลี่ยนพาทีมกลับมาลุ้นได้มากน้อยแค่ไหน ขณะที่ “กิเลนผยอง” ถือเป็นทีม “บอลเปลี่ยนโค้ช” ที่ผลงานดีที่สุดเมื่อ “มาริโอ ยูรอฟสกี” พาทีมเก็บชัย 2 นัดรวดขยับมากลางตารางคะแนนได้ลุ้น “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021” ทันที “ซูเปอร์มาริโอ” พิสูจน์คำว่า “ปลุกกิเลนต้องใช้เลือดกิเลน” ว่าจริงแท้แน่นอน แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น
หลังจากนี้แฟนๆ ยังต้องลุ้นว่าจะไปสุดได้ที่จุดไหน นอกเหนือจากการลุ้นผลงานของ “บอลเปลี่ยนโค้ช” กันแล้ว คงต้องตามลุ้นด้วยว่า “ไทยลีก” จะมีการเปลี่ยนโค้ชคนต่อไปอีกเมื่อไร ขึ้นชื่อว่า “ลีกกินโค้ช” คาดว่าคงรอไม่นาน
Comentários