ยุคทอง..ของตำแหน่ง ศูนย์หน้า ประเทศอังกฤษ

การคว้าดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่นก่อนของ "เจมี่ วาร์ดี้" ถือเป็นแรงผลักดันชั้นดี สำหรับการก้าวสู่ยุคทองของดาวยิงอังกฤษ

หลังจากลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ออกสตาร์ทซีซั่นนี้ไปแค่ 4 นัด ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขึ้นกับกองหน้าสายเลือดอังกฤษ เพราะว่าพวกเขา ช่วยกันซัลโวประตูไปได้รวมกันแล้วมากถึง 37 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลข ที่มากที่สุดในรอบ10ปีหลัง แถมตัวเลขนี้ ยังมากกว่าเมื่อก่อน10ซีซั่นที่ผ่านมา ถึงหนึ่งโหล และมากกว่าช่วงระหว่างปี 2012 ถึง 2014 เป็นเท่าตัว

ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ของบรรดาหัวหอกชาวเมืองผู้ดีนี้ คงต้องยกความดีความชอบให้กับ วาร์ดี้ ที่สามารถทวงตำแหน่ง ดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ลีก กลับคืนมาได้อีกครั้ง ดาวยิงวัย33 ของเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำ ของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ด้วยผลงาน 23 ประตู ซึ่งช่วยให้หัวหอกของจิ้งจอกสยาม ​ดูบอลออนไลน์ สามารถโค่นดาวยิงจากต่างชาติอย่าง "โม ซาล่าห์", "ซาดิโอ มาเน่" ของลิเวอร์พูล รวมไปถึง "ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง" ของ อาร์เซน่อล ลงได้ ซึ่งทำให้ในซีซั่นนี้ มีบรรดาหัวหอกอังกฤษ ที่พร้อมจะเดินตามรอยเท้าของเขา เกิดขึ้นมาอีกมากมาย จากผลงานที่ได้เห็นกันไปแล้ว ในช่วงของการออกสตาร์ท 4นัดแรก โดยคนที่ต้องพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น "โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน" ดาวยิงสุดฮ็อตของทีม "ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน" ที่ยืนหนึ่งอยู่บนตารางพรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ หัวหอกชาวผู้ดีวัย 23 ปี เพิ่งได้รับเลือกให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ประจำเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเจ้าตัว ที่ได้รางวัลแห่งความสำเร็จชิ้นนี้ จากผลงาน 6 ประตูในช่วงออกสตาร์ทบอลลีกซีซั่นนี้

คัลเวิร์ต-ลูวิน เพิ่งได้รับโอกาสให้ลงประเดิมสนามกับ ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกในเกมเมื่อกลางสัปดาห์

และเขาก็สามารถทำประตูในนามทีมชาติได้ทันที ช่วยให้ทีมผู้ดีเอาชนะเพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ ไปได้ 3-0 ในเกมกระชับมิตรที่เวมบลี่ย์ ซึ่งในเกมเดียวกันนี้ "แดนนี่ อิงส์" ดาวยิงที่กำลังร้อนแรงเช่นกัน ก็สามารถทำประตูแรก ในนามทีมชาติของเขาได้ด้วย หัวหอกจากเซาธ์แฮมป์ตัน ได้เป็นรองดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่แล้ว

โดยเป็นรอง วาร์ดี้ เพียงแค่ประตูเดียว ซึ่งในช่วงออกสตาร์ทของซีซั่นนี้ ฟอร์มที่ดี หลังกดไปแล้ว 3ลูก จึงน่าจะเป็นกำลังสำคัญของแข้งผู้ดี กับการลุ้นดาวซัลโวในซีซั่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีหัวหอกเลือดผู้ดีอีกหลายราย ที่ทำผลงานได้น่าจับตามองกับช่วงออกสตาร์ทนี้ ไม่ว่าจะเป็น "พาทริก แบมฟอร์ด" ของน้องใหม่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กดไปแล้ว3ลูก ในการลงสนามให้ทีมใน3นัดแรก เช่นเดียวกันกับ ​เว็บดูบอล "โอลลี่ วัตกิ้นส์" กองหน้าของ แอสตัน วิลล่า ที่เพิ่งจะทำ "แฮตทริก" ได้ในเกมถล่ม แชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ไปแบบช็อคโลก 7-2 ซึ่งเป็น 3ลูกแรก ของเจ้าตัวในลีกสูงสุดด้วย นอกจากนั้นในจำนวนประตูที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในช่วงออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ มีถึง43% ที่เป็นผลงานของนักเตะอังกฤษเอง ซึ่งถือว่า เป็นตัวเลขที่มากที่สุดในรอบ10ปี อีกเช่นกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยผลงานดังกล่าว ไม่น่าประหลาดใจว่า ทำไมกองหน้าอังกฤษถึงได้รับโอกาส ให้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศตัวเองมากขึ้น โดยเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20ปี ที่มีหัวหอกอังกฤษถึง 10คน ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นจำนวนเลข 2หลัก

ร่วมกับดาวยิงชื่อดังของประเทศอย่าง วาร์ดี้ และ "แฮร์รี่ เคน" ดังนั้นถ้าจะบอกว่า ยุคทองของ กองหน้าเชื้อสายอังกฤษ ในพรีเมียร์ลีกกำลังจะกลับมาอีกครั้ง จึงไม่น่าจะเกินความเป็นจริง แต่อย่างใด!!!