ฟุตบอล “ไทยลีก 2020” ที่กลายเป็น “2020-2021” เดินทางผ่านครึ่งฤดูกาลแรกที่ทรหดไปเรียบร้อยแล้ว
หลังใช้เวลาดวลแข้งมา 11 เดือน !!! ถ้าสถานการณ์ปกติ “ไทยลีก” คงปิดฤดูกาลไปแล้ว แต่ด้วย “โควิด-19” ทำให้มีความวุ่นวายตามมามากมาย ฤดูกาลนี้เกมเปิดสนามเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่เตะไปได้เพียง 4 นัดต้องหยุดหนี “โควิด-19” จากที่หยุดเป็นช่วงๆเพื่อรอดูสถานการณ์ กลายเป็นหยุดยาวกว่า 6 เดือนเต็ม
ช่วง 6 เดือนที่ไม่เตะ “ไทยลีก” พยายามหาวิธีแก้ปัญหาต่างๆนาๆ ก่อนได้ข้อสรุปให้ขยับเตะข้ามปีไปจบในปี 2021 รวมเบ็ดเสร็จนับแล้วต้องใช้เวลาแข่งขันทั้งฤดูกาลถึง 14 เดือน แต่ละสโมสรต้องแบกรับภาระที่หนักและยาวนานขึ้น แถมเงินสนับสนุนยังหายอีกหลายล้านหลัง “ทรูวิชั่นส์” ถอนตัวถ่ายทอดสดเพราะ “ไทยลีก” เลื่อนโปรแกรมแบบไม่ปรึกษากันก่อน หลายทีมระส่ำหนัก แต่ยังดีที่พอมีกำหนด ดูบอลออนไลน์ “รีสตาร์ท” กลับมาแข่งใหม่ไม่มีใครถอนตัว ทุกทีมขอสู้ต่อตามสภาพตัวเอง บางทีมลุยต่อตามสรรพกำลังเท่าที่มี แต่บางทีมได้โอกาสเปลี่ยนขุมกำลังพลเพราะ “ไทยลีก” ไฟเขียวให้ขึ้นทะเบียนนักเตะใหม่ใน “รอบพิเศษ” ที่สุดแล้ว “ไทยลีก” ได้กลับมาแข่งขันต่อตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมเงื่อนไขใหม่ “ทีมอันดับ 1-4” เมื่อจบเลกแรกได้สิทธิ์ไปเตะ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021” ทันที เกมในช่วง 11 นัดที่เหลือจึงเข้มข้นในการชิงตั๋วไป “ถ้วยเอเชีย” รวมถึงการลุ้นสถานการณ์ลุ้นอันดับต่างๆที่มีการพลิกผลันเกือบทุกสัปดาห์ กระทั่งสัปดาห์ล่าสุด “ไทยลีก” ก็เดินทางมาถึงเส้นชั้นครึ่งแรกฤดูกาลแรก แต่ยังไม่สะเด็ดน้ำเสียทีเดียวเพราะเหลือคู่ “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” กับ “การท่าเรือ” ที่ยังเตะไม่ครบ 15 นัด อย่างไรก็ดี “แชมป์เลกแรก” ตกเป็นของ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ไปตั้งแต่ก่อนถึงนัดสุดท้ายแล้ว สรุปผลงานใน 15 นัดแรก ชนะ 13 เสมอ 2
และเป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ใคร ทีมของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน มาแรงมาก
แต่จะนำแบบ “ม้วนเดียวจบ” ไปจนจบฤดูกาลหรือไม่ยังต้องลุ้นกัน เพราะทีมตามเริ่มหายใจรดต้นคอ การมาของ “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่พา “การท่าเรือ” ชนะรวดทุกเกมทำให้ตอนนี้เตะไป 14 นัด ชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 2 ตามมาที่อันดับ 2 มี 34 แต้ม ได้ลุ้นกันยาวๆ ขณะที่อันดับ 3 และ 4 ยังไม่สรุป เพราะ “กว่างโซ้ง” เพิ่งเตะ 14 นัดมี 26 แต้ม
เท่า “ราชบุรี มิตรผล” ที่จบ 15 นัดไปแล้ว แต่ทั้งสองทีมได้ตั๋วไปเพลย์ออฟ “ACL 2021” แล้วแน่นอน ทีมที่ถือว่าน่าผิดหวัง และอกหักที่สุดในเลกแรกคือ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” ที่เริ่มต้นด้วยการชนะ 5 นัดรวด แต่หลังจากนั้นไม่ชนะติดต่อกันถึง 6 เกมแบบแพ้ไปถึง 5 นัด “แข้งเทพ” จบเลกแรกด้วยการตกไปอยู่อันดับ 9 และยังไม่รู้ว่าจะกลับมาบนหัวตารางได้อีกหรือไม่ ถือเป็นงานหนักของ ตารางบอล “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ที่มารับงานแทน “มาโน” ส่วนท้ายตารางคะแนน 3 ทีมโซนตกชั้นประกอบด้วย “ตราด” ที่ตกไปเป็นทีมบ๊วยมีเพียง 7 แต้ม จาก 15 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 12 รองบ๊วยเป็น “ระยอง” ที่มี 10 แต้ม แต่ดูดีขึ้นเยอะนับตั้งแต่ได้ “มาซามะ ทาก” กุนซือชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำทีม อันดับ 14 คือ “พีที ประจวบ” ของ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่แต้มห่างโซนปลอดภัยแค่ 1 คะแนน ได้ลุ้นยาวๆกับทีมอย่าง “นครราชสีมา มาสด้า” ทีมอันดับ 13 ที่มี 16 แต้ม สำหรับตำแหน่ง “ผู้ฝึกสอน” มีการเปลี่ยนแปลงในเลกแรกถึง 9 ครั้ง “สิงห์เจ้าท่า” วุ่นวายสุดเปลี่ยนจาก “โชคทวี พรหมรัตน์” เป็น “จเด็จ มีลาภ” จนมาถึง “สระราวุฒิ ตรีพันธ์” ในปัจจุบัน ตำแหน่ง “ดาวซัลโว” คนที่ยิงเยอะสุดคือ “เดนนิส มูริลโล” ดาวยิงบราซิลของ “สวาทแคท” ที่กดแฮตทริกใน 2 นัดล่าสุดทำให้ยิงไปแล้วถึง 11 ประตูจาก 15 นัด ส่วน “ดาวซัลโวคนไทย” มี 2 คนที่ทำประตูได้เท่ากันที่ 8 ประตู คือ “ฟิลิป โรลเลอร์” ของ ราชบุรี มิตรผล ที่ได้จากยิงจุดโทษไป 6 ประตูกับ “อดิศักดิ์ ไกรษร” ของ การท่าเรือ
นี่คือบทสรุปภาพรวมทั้งหมดของ “ไทยลีก” เลกแรก ส่วน “เลกสอง” ไม่ต้องรอนาน สุดสัปดาห์นี้ได้ลุ้นกันต่อทันทีกับตัวผู้เล่นที่ย้ายมาใหม่ด้วย ฟันธงล่วงหน้าเลยว่าครึ่งฤดูกาลหลังเกมจะเข้มข้นและสนุกเร้าใจมากกว่าครึ่งฤดูกาลแรกแน่นอน
Comments