สุดสัปดาห์นี้โลกลูกหนังเป็นคิวของ “ทีมชาติ” ที่ขยับเคลื่อนไหวกันบ้าง รวมถึงทัพ “ทีมชาติไทย” ที่ “อากีระ นิชิโนะ”
กุนซือญี่ปุ่นเรียกลูกทีมเข้าแคมป์ฝึกซ้อมช่วงสั้นๆ แต่เกมระดับสโมสรใช่ว่าไม่มีเลย วันเสาร์ที่ 10 ต.ค.นี้ “ไทยลีก” มีเกมตกค้างเตะ 2 คู่ ถือเป็นระดับ “บิ๊กแมตช์” เลยทีเดียว เริ่มจากเวลา 18.00 น. “ราชบุรี มิตรผล” ทีมอันดับ 6 เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” รองจ่าฝูง จริงๆแล้วคู่นี้เคยจะเป็น “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์”
เพราะต้องเตะกันตอน “รีสตาร์ท” เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ตอนนั้นทั้งสองทีมฟอร์มฮอตสุดๆชนะ 4 นัดรวดเก็บไป 12 แต้มทั้งคู่ แต่ด้วยปัญหา “โควิด-19” ที่ต่อเนื่องทำให้เกมต้องเลื่อนเป็นรอบที่สอง พอมาเจอกันตอนนี้สถานการณ์เลยเปลี่ยนแปลง “ราชมังกร” กลายเป็นทีมที่ไม่ชนะเลยนับตั้งแต่ “รีสตาร์ท” กลับมา 3 นัด สถิติลงเตะ 7 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 1 มี 14 แต้ม ส่วน ดูบอลสด “แข้งเทพ” กลับมาเหมือนจะดีที่ชนะรวดเป็นนัดที่ 5 แต่ 2 เกมล่าสุดแพ้รวด สถิติเตะ 7 นัด ชนะ 5 แพ้ 2 มี 15 แต้ม จากที่เคยเป็นทีมที่ฮอตสุดๆ จึงกลายเป็นต้องมาเจอกันในช่วงที่ต้อง “รีบฟื้น” ทั้งคู่ แต่เป้าหมายการชิง 3 แต้มน่าจะเข้มข้นเหมือนเดิม เพราะอาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ให้กลับมาซ่าได้อีกครั้ง เกมที่ “มิตรผล สเตเดียม” ในวันเสาร์จึงอยู่ในระดับน่าสนใจไม่น้อย แต่คู่ที่ถือเป็นระดับ “เกิน 5 ดาว” ต้องยกให้ตอน 1 ทุ่ม เมื่อ ดูบอลออนไลน์ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” จะพบ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” นี่คือการเจอกันของสองทีม “ลุ้นแชมป์” ในฤดูกาลนี้แบบเต็มตัว และเป็นการเจอกันในช่วงเวลาที่ฟอร์มกำลังฮอตด้วยกันทั้งคู่ “บีจีพียู” เตะไป 7 นัด ชนะ 6 เสมอ 1 นำ “จ่าฝูง” ด้วยการคว้าไปแล้ว 19 แต้ม
พร้อมทำสถิติเป็นทีมเดียว ที่ยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ ด้าน “ปราสาทสายฟ้า”
แม้เริ่มต้นฤดูกาลได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ “รีสตาร์ท” กลับมา 2 นัดชนะรวด สถิติ 6 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 มี 10 แต้ม และมีเกมตกค้างอีก 2 นัด การโคจรมาเจอกันวันเสาร์นี้ จึงถือเป็นนัดสำคัญ ของทั้งสองทีม ในเส้นลุ้นแชมป์แบบปฏิเสธไม่ได้ ว่ากันถึงขุมกำลังพลทั้งสองทีม
นาทีนี้ “บีจีพียู” แกร่งมากในเกมรับ ทีมเพิ่งเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้นจาก 7 นัด สามกำแพงยักษ์ “วิคเตอร์ การ์โดโซ” “อิรฟาน ฟานดี้” และ “อันเดรส ตูเญซ” ที่จะเจอทีมเก่าเป็นครั้งแรกถือเป็นแนวรับที่แกร่งที่สุดใน เว็บสตรีมบอล “ไทยลีก” ตอนนี้ แต่ตำแหน่งอื่นของ “บีจีพียู” ก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะมิดฟิลด์ทั้ง “สารัช อยู่เย็น” “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” และ “สุมัญญา ปุริสาย” ล้วนเป็นระดับทีมชาติไทย อาจมีแค่แผงกองหน้าที่ไม่ค่อยมีประเภทโป้งปิดบัญชี แต่นักเตะอย่าง “เจนรน สำเภาดี” “สุรชาติ สารีพิมพ์” และ “สิโรจน์ ฉัตรทอง” มักมีอะไรที่เกินความคาดหมายให้เห็นประจำ ด้าน “บุรีรัมย์” เต็มไปด้วยดีกรีทีมชาติไทยทั้งตัวเก๋าและดาวรุ่ง ไม่ว่าจะเป็น “ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน” “พรรษา เหมวิบูลย์” “นฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม” “สุภโชค สารชาติ” “ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา” นอกจากนี้การเปลี่ยนนักเตะต่างชาติแบบยกชุดยังถือว่าสำคัญ ทั้ง “มาร์โก เชโปวิช” “กีดี คานยุค” “เรนาโต เคลิช” และ “อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ” แสดงให้เห็นว่าช่วยทีมได้เยอะ
เทียบขุมกำลังพลทั้งสองทีมแล้วถือว่าสูสีกันมากๆ หวังว่าเกมวันที่ 10 ต.ค.นี้จะเป็น “เกมคุณภาพ” ให้สมราคาระดับเกิน 5 ดาวอย่างที่หลายคนรอชม ส่วนใครจะซิว 3 แต้มจากนัดนี้ยากที่จะฟันธง รอลุ้นเอาแล้วกันนะ
Comments