top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนกันดั้ม วิง

ข่าว “บิ๊กดีล” ก่อน “ไทยลีก” จะสตาร์ทฤดูกาลใหม่ในวันที่ 13 ส.ค.กลายเป็นเรื่องของ “กุนซือ” ไม่ใช่นักบ

ข่าว “บิ๊กดีล” ก่อน “ไทยลีก” จะสตาร์ทฤดูกาลใหม่ในวันที่ 13 ส.ค.กลายเป็นเรื่องของ “กุนซือ” ไม่ใช่นักบอล

เมื่อ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ไปรับงานคุม “การท่าเรือ” เรียบร้อยแล้ว เรื่องราวของ “โค้ชโอ่ง” บนเส้นทางการเป็นโค้ชต้องบอกว่าฮือฮาเป็นที่จับตามองมาตลอด ถือเป็นสีสันที่ตอกย้ำคำว่า “ฟุตบอลไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้” จริงๆ สมัยนักเตะ “โค้ชโอ่ง” ฝีเท้าถึงระดับ “ดาราเอเชีย” ได้ชื่อว่าเป็น “แบ็กซ้าย” ทีดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย


พอขยับขึ้นเป็น “ผู้ฝึกสอน” ก็ฝีมือไม่ธรรมดา เริ่มตั้งแต่คุมทีม “ฮองอันห์ ยาลาย” ที่เวียดนาม แล้วกลับมาคุม “ศรีราชา” ขยับไป “ปตท.ระยอง” สะสมวิชาไปเรื่อยๆ “โค้ชโอ่ง” เข้ามาคุมทัพ “สิงห์เจ้าท่า” ครั้งแรกในปี 2013 พาทีมแห่งย่านคลองเตยทะยานจาก “ลีกวัน” (ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) ขึ้นสู่ “ไทยลีก” ในลีกสูงสุด “การท่าเรือ” เจอวิบากกรรมถูกหักถึง 9 แต้ม จากเหตุแฟนบอลปะทะกันกับ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” แต่ “โค้ชโอ่ง” พาทีมอยู่รอดใน “ไทยลีก” ต่อไป ทว่า “โค้ชโอ่ง” ต้องโบกมือลาจาก “แพท สเตเดียม” หลังสโมสรมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารทีมใหม่ หลังจากนั้น “โค้ชโอ่ง” ไปสร้างผลงานที่ดีกับ “พีที ประจวบ” วางหลักฐานเอาไว้ก่อนคู่ซี้ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล จะมาสานต่อจนพาทีมประสบความสำเร็จเลื่อนชั้นสู่ “ไทยลีก” เส้นทางกุนซือของ “โค้ชโอ่ง” มาแป้กอย่างจังตอนไปรับงานที่ “ศรีสะเกษ” แต่คุมไปได้แค่ 3 นัดทีมแพ้รวดจึงต้องแยกทางกันอย่างรวดเร็วแบบนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ แต่ ดูบอลฟรี “โค้ชโอ่ง” กลับมาอย่างสวยหรูด้วยการไปพา “ตราด” เลื่อนชั้นจากลีกรองไปเล่น “ไทยลีก” ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ความสำเร็จที่ตราดทำให้ “โค้ชโอ่ง” กลายเป็นกุนซือเนื้อหอมที่ใครๆต่างอยากได้ตัว ก่อนที่ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ที่เพิ่งตกชั้นจากลีกสูงสุดได้ตัวไปคุมทีม การตัดสินใจไป “ลีโอ สเตเดียม” ส่งผลให้ “โค้ชโอ่ง” กลายเป็นกุนซือระดับแถวหน้าของเมืองไทยทันที


ดูบอลฟรี

ทั้งที่ไม่ได้เรียนจบวิชาผู้ฝึกสอนที่มี “ไลเซนส์” ในระดับสูง

“โค้ชโอ่ง” พา “เดอะแรบบิต” เลื่อนชั้นจาก “ไทยลีก 2” กลับสู่ “ไทยลีก” พร้อมทำสถิติเป็นกุนซือคนแรกที่อยู่กับ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” จนจบครบทั้งฤดูกาล ใครเลยจะเชื่อว่า “โค้ชโอ่ง” ยังสร้างความฮือฮาต่อไปเมื่อพา “บีจีพียู” ที่เพิ่งกลับสู่ลีกสูงสุดผงาดคว้าแชมป์ “ไทยลีก” มาครองได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ที่น่าตลกคือ “โค้ชโอ่ง”


กลับไม่ได้ไปต่อในฤดูกาลต่อมาดื้อๆ สโมสรเรียกตัว “ออลอริโอ วิดมาร์” อดีตกุนซือของทีมชาวออสเตรเลียกลับมาเป็นกุนซือใหญ่แทนซะงั้น “โค้ชโอ่ง” พาทีมได้แชมป์ “ไทยลีก” แต่ไม่ได้คุมทีมลุย “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021” ที่ตัวเองพาทีมคว้าตั๋วไปชิงแชมป์เอเชียแท้ๆ แต่กลับถูกส่งไปคุม “ราชประชา” ใน “ไทยลีก 2” !!! ช่วงแรกๆดูเหมือนทุกอย่างจะโอเคเป็นไปตามนโยบายของสโมสร แต่สุดท้ายแล้วก่อน “ไทยลีก” จะเปิดฤดูกาลใหม่ไม่ถึงเดือน “โค้ชโอ่ง” ก็ตัดสินใจย้ายไปคุม “การท่าเรือ” การไปรับงานที่คุมทัพ “สิงห์เจ้าท่า” ของ “โค้ชโอ่ง” ดูจะมีคนเชียร์เยอะ ส่วนใหญ่มองว่าฝีมือระดับทำได้แชมป์ไทยลีกมาแล้วต้องคุมทีมไทยลีกต่อ ไม่ใช่ลงไปคุมลีกรอง แต่อนาคตของ “โค้ชโอ่ง” กับ “การท่าเรือ” จะคลิกกันขนาดไหนถือว่าน่าสนใจ เพราะการทำงานที่ “แพท สเตเดียม” ในยุคของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ แตกต่างกับวันวานเยอะ สมัยคุม “สิงห์เจ้าท่า” ครั้งแรกนู้น ZoneDooBall “โค้ชโอ่ง” ทำงานร่วมกับประธานสโมสรฯอย่าง “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ให้อิสระในการทำงานเต็มที่ ไม่มีแทรกแซง แต่ยุคนี้ใครๆต่างรู้ว่า “มาดามแป้ง” เข้ามามีบทบาทในการทำทีมไม่น้อยในวลีที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ทำงานร่วมกัน” ดังนั้นจึงน่าสนใจว่า “โค้ชโอ่ง” จะปรับตัวกับสไตล์ของทีมยุคนี้ได้แค่ไหน นอกจากนั้น “โค้ชโอ่ง” ยังต้องสู้กับบรรดา “ลูกรัก” ที่มีประเด็นให้แฟนบอลนินทากันเสียงดังหลายหน ทั้งเคยชี้หน้าด่ากองเชียร์ทีมตัวเองมาแล้ว หรือแผลงฤทธิ์ใส่กุนซือคนเก่าก็เคยมี


รวมถึงต้องดูว่า “โค้ชโอ่ง” จะมีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกตัวผู้เล่นใหม่มากน้อยแค่ไหน “การท่าเรือ” ยุคนี้ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แต่มีปัญหา “ใช้เงินไม่เป็น” การซื้อตัว เสริมตัวแต่ละรายช่างน่าปวดหัว การเดินทางครั้งใหม่ของ “โค้ชโอ่ง” ที่ “การท่าเรือ” จึงมีอะไรที่น่าสนใจให้จับตามองมากมาย ส่วนจะคลิกหรือแป้กแฟนๆ “สิงห์เจ้าท่า” ตามลุ้นกันเอานะ

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page